Worker Placement เป็นระบบที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในบอร์ดเกมตั้งแต่ Keydom (ปี 1998) ซึ่งเป็นเกมแรกนำระบบนี้ขึ้นมาใช้ แต่เกมที่ทำให้ระบบการวางคนงานเป็นที่รู้จักเป็นวงกว้างนั้นคือ Caylus (ปี 2005) นักออกแบบเกมยังคงหาทางคิดวิธีใหม่ ๆ ที่ทำให้ Worker Placement ของตัวเองดูแตกต่าง (originality) แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปเช่นไร แก่นแท้ของระบบก็คือการเลือกแอคชัน (Action Selection) ในแต่ละเทิร์นเพื่อรับผลประโยชน์
แต่ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเข้าวงการ หรือ เล่นจนช่ำชอง นี่คือ 5 เกมที่เป็นดั่ง checkpoint ให้ไป checkout ก่อนสู่ขิต!
Caylus (2005)
เกมเก่าที่ออกมาปี 2005 ที่ยังมีเสน่ห์ ว่ากันว่าเป็นต้นกำเนิดแห่งเกมแนว Worker Placement และเป็นแรงบันดาลใจให้กับเกมแนวนี้อีกมากมาย โดยธีมของเกมจะพาเราย้อนไปยังยุคปี 1289 ที่ผู้เล่นได้รับคำสั่งให้สร้างปราสาทให้กับพระราชา และพัฒนาบริเวณรอบๆเมือง Caylus เพื่อเสริมสร้างและขยายอาณาจักรฝรั่งเศส
Agricola (2007)
เกมแนวปลูกผักทำฟาร์ม ที่ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นครอบครัวชาวนาในศตวรรษที่ 17 ในแถบยุโรป โดยจุดหมายของเกมคือผู้เล่นจะต้องขยายฟาร์ม ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ หาอาหาร และมีลูก โดยเกมจะเน้นถึงความแร้นแค้นในการใช้ชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของ Uwe Rosenberg ผู้ออกแบบเกม
ในเกมจะผู้เล่นต้องส่งคนไปทำงานตามจุดต่างๆ โดยที่เกมจะค่อยๆให้เราทำแอคชั่นต่างๆได้มากขึ้น แต่ก็จะบีบเราด้วยการที่คนงานจะกินอาหารที่ถี่มากขึ้นตามไปด้วย ทำให้ผู้เล่นต้องพยายามดิ้นรนหาอาหาร ผสมกับการขยายฟาร์มควบคู่กันไป ซึ่งจุดเด่นของเกมนี้คือแอคชั่นต่างๆที่ทำได้จะมาแบบสุ่ม ทำให้บางเกมเราสามารถปลูกผักหาอาหารได้ตั้งแต่รอบแรกๆ หรือ บางเกมแทบจะหาอาหารไม่ได้เลย อีกทั้งในเกมยังมีการ์ด Occupation และ Minor Improvement ที่เป็นเหมือนอาชีพและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทำให้มีรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย แต่สดใหม่ในการเล่นทุกรอบ โดยเราสามารถเลือกที่จะเล่นแบบสุ่มการ์ด หรือ Draft การ์ดเพื่อเลือกคอมโบโหดๆต่อกันได้ ทำให้ในการเล่นแต่ละรอบจะรู้สึกสดใหม่และไม่น่าเบื่ออยู่เสมอ
Stone Age (2008)
อีกหนึ่งเกมคลาสสิคที่มีระบบ และวิธีการเล่นที่แสนเรียบง่าย แต่ใช้การวางแผนการบริหารทรัพยากรอยู่ไม่น้อย นับเป็นอีกหนึ่งเกมที่สามารถครองใจผู้เล่นได้แทบจะทุกกลุ่ม และปัจจุบันติดอันดับ Rank# 22 บนเวบไซท์ Board Game Geek ในสาขา Family Game โดยผลงานนักออกแบบชาวเยอรมันนี Bernd Brunnhofer ผู้ออกเกมชื่อดังอย่าง Carcassonne: Hunters and Gatherers (2002) และ Saint Petersburg (2004)
ในเกมผู้เล่นจะได้รับบทเป็นหัวหน้าชนเผ่าซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในช่วงประวัติศาสตร์ยุคหิน ซึ่งเป้าหมายของผู้เล่นคือการสร้างหมู่บ้านและอารยะธรรมให้มีความเจริญมากกว่าหมู่บ้านของผู้เล่นอื่น โดยการส่งคนงานไปทำงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขุดแร่ หาอาหาร ปั๊มลูก ผลิตอาวุธ หรือแม้แต่การสร้างที่อยู่อาศัย โดยจุดเด่นที่น่าสนใจของเกมนี้คือ การที่นำดวงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเกมได้อย่างกลมกล่อม เพราะการเก็บเกี่ยวทรัพยากรของผู้เล่นนั้นจะมาจากการทอยลูกเต๋า ซึ่งจำนวนของลูกเต๋าจะมาจากจำนวนคนงานของผู้เล่นที่ส่งไปยังจุดทำแอคชั่นนั้นๆ โดยแต้มที่ได้จะถูกนำไปหารตามประเภทของทรัพยากร ทำให้ผู้เล่นต้องวางแผนบริหารความเสี่ยงในการส่งคนงานไปเก็บทรัพยากรแต่ละจุดให้ดี และเสน่ห์ของเกมคือผู้เล่นสามารถจัดการความเสี่ยงตรงนี้ได้ โดยการผลิตอาวุธเพื่อมาปรับเลขบนหน้าลูกเต๋าได้ อีกทั้งยังมีเรื่องของการที่เราจะต้องหาอาหารให้คนงานของเราตอนจบรอบ ซึ่งจะเป็นตัวบีบให้ผู้เล่นจะต้องวางแผนบริหารทรัพยากรให้ได้อย่างรัดกุม ทำให้เกมนี้เป็นอีกหนึ่งเกมที่คุณไม่ควรพลาด
Tzolk'in: The Mayan Calendar (2012)
ภายในเกมที่จะดำเนินไปตามปฏิทินของมายันและสถานที่ซึ่งพวกเขาเป็นผู้สร้าง เผ่าของคุณจะต้องทำการพัฒนาตัวเองไม่ว่าจะเป็นการเก็บทรัพยากร สร้างเทคโนโลยี และบูชาเทพทั้ง 3 และเกมนี้ถือเป็นอีกหนึ่ง Worker Placement ที่ดีที่สุดอีกหนึ่งเกมที่ออกแบบโดย Simone Luciani และ Daniele Tascini ที่ภายหลังออกผลงานเป็นที่รู้จักเพิ่มเติมทั้ง The Voyages of Marco Polo (2015) และ Marco Polo II: In the Service of the Khan (2019)
ระบบ Worker Placement ของเกมนี้ทั้งเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน แต่แฝงไปด้วยการวางแผนที่อาศัยกลไกของการเดินเวลาผ่านระบบเฟืองเพื่อที่จะได้ผลประโยชน์ที่ดีที่สุด โดยหลักแล้วสิ่งที่ทำได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่งคนออกไปทำงาน หรือ ดึงคนกลับ ยิ่งคนงานอยู่บนเฟืองนานก็จะได้ “ผลประโยชน์มากขึ้น” แต่ก็ต้องแลกมากับการมี “คนงานน้อยลง” โดยเวลาจะหมดหนึ่งวันเมื่อทุกคนเลือกทำแอคชั่นครบทุกคน จุดเด่นที่ต้องบอกว่าสะดุดมาก คือฟันเฟืองที่บอร์ดกลาง ซึ่งฟันเฟืองหลักเป็นตัวกำกับเวลา เมื่อหมุนตอนจบวัน ฟันเฟืองอื่นก็จะเคลื่อนที่ด้วย ซึ่งถือว่าสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่และว้าวมากเลยทีเดียว
Russian Railroads (2013)
ผลงานสองนักออกแบบคู่หู Helmut Ohley และ Leonhard "Lonny" Orgler ที่หลงใหลเกมตีมรถไฟและสร้างชื่อจากเกมในซีรีย์ 18xx ไว้อย่างมากมาย ซึ่งในปี 2013 Russian Railroads ได้ออกมาให้นักเล่นเกมได้รู้จัก หลังจากนั้นก็ได้ทำให้เกมตีมรถไฟให้แพร่หลายไปทั่วโลกจนคนตามหากันเป็นจำนวนมาก และในปี 2014 เกมได้เสนอชื่อเป็นเกมแนะนำของ Kennerspiel des Jahres Recommendation (รางวัลเกมยอดเยี่ยมเกมแห่งปีที่จัดขึ้นที่เยอรมัน) ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เสนอชื่อเข้าชิงเพราะความซับซ้อนที่มากเกินไปนิด แต่ RRR ก็แทรกขึ้นมาเป็นหนึ่งในเกมที่คนพูดถึงมากที่สุดและติดอันดับ TOP 100 ของ Board Game Geekตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความนิยมทำให้เกมขาดตลาดอย่างรวดเร็ว แม้จะมีการออกภาคเสริมออกมาเป็นระยะ แต่ภาคหลักกลับยังคงเงียบ จนในปี 2021 มีข่าวดีที่ตัวเกมจะนำมาผลิตใหม่ โดยรวมภาคหลัก ภาคเสริม และภาคเสริมตัวใหม่ Asian Railroads รวมถึงโปรโมทุกแบบตั้งแต่เคยผลิตมา จับมารวมกันเป็น Ultimate Railroads
โดยในเกมนี้มาในรูปแบบของ Worker Placement ที่ผสมผสานกับ Engine Building ได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจของเกมนี้เลยก็ว่าได้ ตีมเกมเป็นแนวสร้างรางรถไฟสาย Trans Siberian โดยเราต้องสร้างรางที่เทคโนโลยีต่ำก่อน (แทนด้วยรางสีดำ) แล้วจึงพัฒนาเป็นรางที่เทคโนโลยีสูงขึ้น (ใช้รางสีเทา/น้ำตาล/ครีม/ขาว ตามลำดับ) โดยใช้หลักการ “ดัน” ซึ่งแปลว่ารางสีน้ำตาลจะไม่สามารถสร้างได้ หากเรายังไม่สร้างรางสีดำและเทาไปก่อน อีกทั้งยังมีวิธีการได้คะแนนจากแถบโรงงานอุตสาหกรรมที่สร้างคอมโบได้อย่างสุดมันส์ โดยแอคชั่นทั้งหมดที่ทำในแต่ละรอบจะถูกนำมาคิดคะแนนตอนจบรอบ ทำให้รอบแรกๆ ได้คะแนนหลักสิบ แต่รอบหลังๆ ได้คะแนนหลักร้อย ถือว่าเป็นสเน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเกมแนว Engine Building อีกทั้งตัวเกมยังมีรูปแบบการเล่นที่เรียบง่าย แต่มี Interact ระหว่างผู้เล่นสูงมาก ตัดแอคชั่นกันแบบหน้าสั่น จนเป็นที่พูดถึงของเหล่าเกมเมอร์มาจนถึงทุกวันนี้